วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติส่วนตัว


ประวัติส่วนตัว




 ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ นามสกุล   : นางสาวกัญญารัตน์    พันฆ้อง
ชื่อเล่น            : นิ้ง
เกิดวันที่          : 16 กันยายน 2539
การศึกษา       : โรงเรียนพระนารายณ์          
ระดับ              : มัธยมศึกษาตอนปลาย ( ม.6 ) จบปีการศึกษา 2557                                                         

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

“Greasy Cafe” มัวหม่น บนตัวตนที่ชัดเจน สวน(จริต)กระแสเพลงตลาด

 
      “Greasy Cafe” ชื่อนี้ไม่ใช่ร้านกาแฟ หากแต่เป็นชื่อที่ใช้ในงานเพลงของ “เล็ก : อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร” ชายหนุ่มที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้งช่างภาพ คนดนตรี นักแสดง และล่าสุดกับการก้าวเข้าสู่แวดวงวรรณกรรมกับผลงานพ็อกเก็ตบุ๊ค ชื่อ “Destination From Nowhere”
      
       Greasy Cafe ออกอัลบั้มแรก “สิ่งเหล่านี้” มาในปี พ.ศ. 2551 เป็นงานเพลงที่มีความแตกต่าง นำเสนอเรื่องราวความรัก มุมมองชีวิต มีความหมายลุ่มลึก ภาษาสวยงาม และเป็นงานเพลงที่ฟังค่อนข้างยากสำหรับใครหลายๆคน เพราะไม่ใช่ตามกระแสตลาดนิยม แต่สิ่งเหล่านี้ก็สามารถคว้ารางวัลทางดนตรีมาการันตีในคุณภาพ
      
       จากนั้นในปีถัดมา เขามีผลงานเพลงชุดสองออกมากับอัลบั้ม “ทิศทาง” ที่ยังคงเดินตามทางชุดแรก แต่ดนตรีละเมียดละไม เนื้อหาลึกซึ้ง เข้มข้นขึ้น
      
       Greasy Cafe ทิ้งช่วงไปราว 3 ปี ครั้นพอถึงปี 2555 เขากลับมาอีกครั้งกับผลงานชุด “The Journey Without Maps” ที่การเดินทางครั้งนี้จะไร้แผนที่ แต่ว่าจุดหมายและทิศทางของเขายังคงชัดเจน
“Greasy Cafe” มัวหม่น บนตัวตนที่ชัดเจน สวน(จริต)กระแสเพลงตลาด/บอน บอระเพ็ด

                           ปกหน้า อัลบั้ม The Journey Without Maps
       
       งานเพลงชุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ เล็ก อภิชัย รู้สึกตัน คิดอะไรไม่ออก เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปอังกฤษ ดินแดนที่เคยมาใช้ชีวิต ร่ำเรียนหนังสือ และก่อตั้งวงดนตรี อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
      
       เล็กเดินทางไปอังกฤษแบบไม่ได้คาดหวังใดๆ เพราะคิดว่าบางทีอาจกลับมามือเปล่า แต่สุดท้ายเขากลับมาพร้อมกับงานเขียนและอัลบั้มชุดล่าสุด The Journey Without Maps
      
       The Journey Without Maps มีทั้งหมด 13 เพลง มาในปกขาวดำ โทนมัวหม่น เปิดตัวขึ้นมาด้วย “ปล่อย” กับโมเดิร์นร็อกสนุกๆ กีตาร์มีลูกเล่นน่าฟัง ถือเป็นเพลงที่มันที่สุดในอัลบั้ม
      
       เนื้อเพลงปล่อยเนื้อหาดี ตีความไม่ยาก คนเราถ้า(ปลด)“ปล่อย”สิ่งที่คาดหวัง แล้ว“เปลี่ยน” สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ ชีวิตย่อมน่ารื่นรมย์กว่าการยึดติด ไม่ยอมปล่อยและเปลี่ยน
      
       หลังจากแทรคปล่อย โทนของเพลงพาด่ำดิ่งเข้าสู่โหมดความมัวหม่นกับ “อุบัติการณ์” เพลงเหงาๆกับภาษาเชิงสัญลักษณ์ อย่างเช่น “นี่คือภาพยนตร์ที่ไม่ต้องการผู้ชม และนี่คือพายุฝนที่ไร้ซึ่งลม...”
“Greasy Cafe” มัวหม่น บนตัวตนที่ชัดเจน สวน(จริต)กระแสเพลงตลาด/บอน บอระเพ็ด

                             ปกใน อัลบั้ม The Journey Without Maps
       
       ต่อมาเป็น “ดิ่ง” ขึ้นต้นมากับปิ๊กกิ้งอะคูสติกกีตาร์เสียงชวนเหงา ก่อนพาดำดิ่งไปกับโทนเหงาๆตอกย้ำต่ออารมณ์จากเพลงที่แล้ว
      
       เช่นเดียวกับ “หมุน” ที่นำเสนอออกมา ชวนล่องลอยวังเวง เนื้อหาผิดหวัง เหงาเศร้า ดนตรีเยี่ยม ล่องลอย มีเสียงคีย์บอร์ดเล่นเป็นแกนหลัก ฟังแล้วให้ความรู้สึกหมุนๆวิ๊งๆ
      
       ดนตรีเร่งจังหวะให้กระชับขึ้นมาหน่อยกับเพลง “ประโยคบอกเล่า” ที่เนื้อเพลงเน้นประโยคคำถามเชิงขอร้อง ตั้งคำถามถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉัน
      
       “ปฏิกิริยา” เพลงนี้ขึ้นต้นมาด้วยเสียงร้องผ่านเอฟเฟคดึงอารมณ์กลับไปหน่วงเนิบ เน้นเสียงสังเคราะห์ มีเสียงเครื่องสายล่องลอยช่วยตอกย้ำความเหงา โดยรวมแล้วนี่เป็นเพลงที่มีซาวน์เยี่ยมทีเดียว
      
       แทรคที่ 7 เป็น “ร่องน้ำตา” เพลงนี้มี “ญารินดา บุนนาค” มาร่วมร้อง ซึ่งผมให้ 3 คำ คือ “เพราะ เหงา เศร้า” คนอกหักฟังแล้วอาจต่อมน้ำตาร่วงได้
      
       “สิ่งใดๆ” ฟังสนุกขึ้นมาหน่อย ก่อนต่อกันด้วย “เงาของฝน” เพลงนี้เรียบเรียงเยี่ยมมาก
       เสียงเครื่องสายที่ขึ้นมาในช่วงต้นนั้นกระชากอารมณ์เหลือหลาย ขณะที่เนื้อหานั้นลุ่มลึก เหมือนคนผ่านโลกมาจนตกผลึกในชีวิต
      
       “เมฆใต้น้ำ” มาในเนื้อหาสื่อสัญลักษณ์ให้ตีความ ดนตรีฟังเหมือนหลวมๆแต่มีรายละเอียด ลูกเล่น ซ่อนอยู่เพียบ

    
“Greasy Cafe” มัวหม่น บนตัวตนที่ชัดเจน สวน(จริต)กระแสเพลงตลาด/บอน บอระเพ็ด

                           ปกหลัง อัลบั้ม The Journey Without Maps
      
       เดินหน้าต่อไปกับ “อาณาเขต” ที่ซาวนด์เพลงค่อนข้างแตกต่างมาในอารมณ์ร็อกในยุค 70’s มีลูกริฟฟ์มาเป็นตัวหลักของเพลง คีย์บอร์ดเล่นเสียงแฮมมอนด์คลอไปตลอด
      
       เนื้อหาเพลงอาณาเขตสะท้อนเรื่องราวแห่งยุคสมัย ที่คนจำนวนมากบนนี้ล้วนต่างมีอาณาเขตของตัวเอง ดังเนื้อร้องในท่อน “...ความมากมายของการพูดคุยที่เปลี่ยน และการมองเห็นมองหน้ากันที่น้อยลง ทุกๆคนจ้องอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม จมสู่โลกที่วางอยู่บนอุ้งมือ...”
      
       การตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในท่อนข้างต้นนำไปสู่การออกเดินทางอันมีแรงกระตุ้นมาจากความรัก นี่คือเพลงคีย์เวิร์ด มุ่งนำสู่คอนเซ็ปต์อันเข้มแข้งและทิศทางอันชัดเจนของอัลบั้ม
      
       มาถึง 2 เพลงส่งท้ายกับ “ป่าสนในห้องหมายเลข 1” เพลงเหงาล่องลอยชวนให้ตีความ ไล่ไปตั้งแต่ชื่อเพลงที่ตั้งชื่ออย่างกับผลงานจิตรกรรม
      
       ปิดท้ายกันด้วย “ละอองแสง” เน้นซุ่มเสียงอะคูสติก มีกีตาร์โปร่งเป็นแก่นแกน มีเสียงทรัมเป็ตเหงาๆมาเติมเต็ม บีบคั้นอารมณ์ให้ฟังเหงา เศร้า มัวหม่น
      
       เพลงนี้แม้จะเป็นการจากลาที่ฟังเหงาเศร้า แต่กับเปี่ยมไปด้วยความงดงาม สดใส และความหวัง
      
       “...จนวันนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้ ที่กำลังจะจากไป จากไป ในวันใหม่ที่แสงทองสวยงามจับตา ที่จะเคลื่อนไหวเข้ามาหา จงโอบกอดอย่างที่ไม่เคยต้องการให้จบลง อย่างที่วันนี้ไม่มีจริง...”
      
       และนั่นก็เป็น 13 บทเพลงจาก Greasy Cafe อัลบั้มที่เต็มไปด้วยความหม่น มัว นัวร์ เหงา เศร้า หน่วงเหนี่ยว ไล่มาตั้งแต่ปกอัลบั้ม เนื้อหา ดนตรี จนบางคนฟังครั้งแรกอาจจะมึน งง จนแทบจะเขวี้ยงซีดีทิ้ง
      
       แต่ช้าก่อน!!! ลองใช้สมาธิฟังครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งที่ต่อๆไป...แล้วจะพบว่าอัลบั้มนี้มีทิศทาง คอนเซ็ปต์ที่เด่นชัด ภาคดนตรีโดยรวมของอัลบั้มนี้เป็นบริท-ร็อกที่มีเสน่ห์มาก ทั้งการเรียบเรียง การวางลำดับเพลง การสร้างอารมณ์ รายละเอียดลูกเล่น ส่วนภาคเนื้อหา มุ่งนำเสนอเรื่องราวของชีวิต การเดินทาง การค้นหา ความฝัน และความรัก ภาษาที่ใช้สวยงาม มีการเปรียบเทียบ การสื่อความหมาย การใช้สื่อสัญลักษณ์ แฝงแง่คิด มีลูกให้ฉุกคิดตาม
      
       ขณะที่เสียงร้องของเล็ก อภิชัย ไม่ใช่แนวแหกปาก แนวออดอ้อนสาว แต่เป็นการร้องเพลงแบบมุ่งเล่าเรื่อง(บางเพลงฟังแล้วนึกถึงฮิวโก้) มีโทนเสียงต่ำ เนื้อเสียงใช้ได้ ฟังโดดเด่นในเรื่องของการสร้างอารมณ์เพลงได้สอดรับกับภาคดนตรี และร้องเพลงไทยเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงของตัวเอง ไม่ดัดจริตดัดเสียง แม้จะเคยเป็นนักเรียนนอกมาก่อน
      
       อย่างไรก็ดี The Journey Without Maps มีข้อด้อยตรงที่ โทนเพลงโดยรวมออกมาเนิบช้า ภาคดนตรีกลมกลืนกันแบบไม่มีเพลงใดโดดเด่นออกมาเป็นเพลงขาย เอาใจตลาด กับเมโลดี้สวยๆ มีความป็อบสูง นั่นจึงทำให้การฟังงานเพลงชุดนี้ในครั้งแรก(รวมถึงครั้งที่ 2,3) จะรู้สึกว่าน่าเบื่อไม่น้อย จนกว่าจะเริ่มฟังคุ้นหู ชินหู และเริ่มค้นหาสิ่งต่างๆที่งานเพลงชุดนี้มุ่งนำเสนอ นั่นแหละจึงจะได้พบกับเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นอยู่
      
       สำหรับ “The Journey Without Maps” นี่นอกจากจะเป็นงานเพลงที่มากเสน่ห์ ชวนฟัง มีเอกลักษณ์ มีคอนเซ็ปต์ที่เข้มแข็งแล้ว The Journey Without Maps ยังเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมของปี 55 แต่นี่เป็นเฉพาะในความคิดผมเท่านั้นนะ 
      
       เพราะในความเป็นจริงของตลาดเพลงไทยแล้ว งานเพลงที่ดี มีความแตกต่าง ไม่อิงตลาด ยอดขายและชื่อเสียง มักจะไม่ค่อยถูกจริตของคนฟังในกระแสนิยมสักเท่าไหร่ 

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ห้องนอน - Fridaynight to Sunday



สังกัดเร็คคอร์ดเซอร์ไพรซ์ ค่ายเพลงอินดี้เล็กๆเซอร์ๆขอเสนออีกหนึ่งท­างเลือกในการฟังดนตรีอีกรูปแบบหนึ่งของการ­นำเสนอศิลปินนักร้องนักดนตรีนักเขียนเพลง ที่อยากเสนองานเพลงในรูปแบบของตัวเองตามคว­ามฝัน...และศิลปินอย่างเป็นทางการเบอร์แรก­ในการเปิดตัวค่ายเพลงได้แก่สามหนุ่มนักร้อ­งนักดนตรีชาวหาดใหญ่ ที่เดินตามฝันในการแต่งเพลงสร้างงานเพลงให­้เป็นที่ยอมรับของผู้ฟัง วง "Fridaynight to Sunday" (ฟรายเดย์ไนท์ทูซันเดย์)

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

“3 อย่า” ที่ควรระวังเมื่อเริ่มออกกำลังกาย

สิ่งที่พึงระวังเมื่อท่านจะเริ่มออกกำลังกาย

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายควรคำนึงถึง “3 อย่า” ต่อไปนี้ เพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ และเลี่ยงโทษอันอาจจะเกิดจากการออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพียงเพราะความเข้าใจที่ผิดมาตั้งแต่ต้นหรืออาจจะเกิดจากการรับข่าวสารจากสื่อที่หวังแต่ผลทางการค้าแต่เพียงอย่างเดียว

อย่าออกกำลังกายดังนี้

  1. อย่าออกกำลังกายแบบหักโหม

    คนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนควรเริ่มต้นออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณการออกกำลังกายให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว
    นอกจากนี้ยังงานวิจัยของประเทศที่บอกว่าการออกกำลังกายแบบไม่หักโหม ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีนั้น จะมีประสิทธิภาพต่อร่างกายดีที่สุด ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้เต็มที่
  2. อย่าออกกำลังกายเวลาที่ไม่สบาย

    เวลาที่คุณไม่สบายนั้น ร่างกายจะอ่อนแอมากกว่าปกติยิ่งถ้ามีการออกกำลังกายเพิ่มเข้ามา ก็จะทำให้ร่างกายขาดน้ำขาดเกลือแร่ ส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าจะเกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นเวลาที่ไม่สบายจะงดการออกกำลังกายไปไม่ก็วันก็ไม่เป็นไรหรอก
  3. อย่าหยุดออกกำลังกายเมื่อรู้สึกปวดเมื่อย

    อาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะร่างกายยังไม่เคยชินกับการออกกำลังกาย และกำลังค่อยๆ ปรับสภาพ คุณจึงควรไปออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นอาการปวดเมื่อยจะค่อยๆ น้อยลงจนหายไป

3-อย่าที่ควรระวังเมื่อเริ่มออกกำลังกาย

เรียบเรียงโดย บล็อกการดูแลสุขภาพ ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก ใกล้หมอ เรื่อง “ยุทธการลดพุง พยุงหัวใจ”. และข้อมูลรูปภาพจากเว็บไซต์  www.sinkaonline.com,www.vcharkarn.com, www.creditonhand.com และ men.kapook.com

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไข่ตุ๋นภูเขาไฟง่ายๆแค่5นาที

ใช้เวลาปรุงเพียง 5 นาที 
เป็นไข่ตุ๋นที่เหมาะสำหรับทานตอนร้อนๆ 
มักเสริฟในหม้อดินเผาเพื่อคงอุณหภูมิ 
เป็นเครื่องเคียงยอดนิยมในร้านหมูกะทะ

www.sunsauce.co.th
www.facebook.com/sunsaucesuki

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมนูง่ายๆสไตล์เด็กหอ.flv


เป็นวิธีทำอาหารอย่างง่ายๆสำหรับเด็กหอที่ไม่ต้องไปเสียเงินเยอะกับของต่างๆมาก

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คัพเค้กไมโครเวฟ Cupcake Microwave


เมนูเบเกอรี่ที่ทำง่ายๆ และน่าตาน่าทาน คงหนีไม่พ้นคัพเค้ก เพราะด้วยคัพเค้กมีหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นรสช็อกโกแลต กาแฟ ชาเขียว และอื่นๆ อีกมามาย นอกจากเนื้อเค้กแล้วยังมีวิปครีมสีสันต่าง­ๆ รวมถึงtoppingที่เราสามารถเลือกได้ตามใจชอ­บ และที่สำคัญคัพเค้กสูตรนี้ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟเพียง 1 นาทีเท่านั้นเอง

http://www.foodtravel.tv/recfoodShow_...

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รีวิวโดนใจ >> After You Dessert Cafe เมนูใหม่ของกับความอร่อยแบบเดิมที่สาขาสีลมคอมเพล็กซ์

AfterYou_Silom_022
ร้าน After You Dessert Cafe  คงเป็นร้านของหวานที่คุ้นหูใครหลายๆคน สาขาที่เปิดขึ้นมากมาย ทำให้สามารถกระจายความอร่อยให้เราเข้าไปทานของหวานได้ง่ายมากขึ้น ครั้งนี้ออฟไปที่สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ ค่ะ สาขานี้ร้านใหญ่ทีเดียว แถมติดกับทางเชื่อมรถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดงซะด้วย เรียกได้ว่าเดินทางสะดวกมากทีเดียวค่ะ

บรรยากาศของร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

AfterYou_Silom_023
ร้านนี้ถูกเลือกเป็นร้านที่ออฟกับไผ่มาเดตกันในช่วงเย็นของวันศุกร์ค่ะ ต้องบอกว่ามาถึงก็เห็นคนอยู่หน้าร้าน รอคิวค่อนข้างเยอะ เกือบจะถอดใจเปลี่ยนร้านเป็นร้านอื่นไปแล้ว แต่ด้วยความมุ่งมั่นและเห็นเมนูใหม่อย่าง Black Toast ที่น่าลองมากๆ ก็เลยตัดสินใจรอค่ะ และการรอนี่ทำให้สังเกตการจัดการคิวของร้านอาฟเตอร์ยู ซึ่งเค้าทำได้ดีมากๆ ด้านหน้าส่วนของการกดคิวจะมีพนักงานส่งใบคิวให้เรา พร้อมทั้งคอยวอเข้าไปด้านในว่าข้างหน้าร้านมีลูกค้าอยู่กี่ท่านแล้ว และกำลังจะมีโต๊ะว่างตรงไหน ซึ่งเมื่อได้คิวแล้วเค้าก็จะบอกให้เรารู้เลยค่ะ ว่าเราไปนั่งที่โต๊ะไหนได้
AfterYou_Silom_025เมื่อได้โต๊ะแล้วก็มาถึงการสั่งของหวานกันบ้างค่ะ ซึ่งระบบการสั่งของหวานที่นี่จะใช้ระบบเคาเตอร์ค่ะ ซึ่งก็ทำให้เราไม่ต้องคอยเรียกร้องความสนใจจากพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ที่โต๊ะดีค่ะ อันนี้ค่อนข้างชอบมากเลย แต่ละคนก็ไปเข้าคิวกันที่เคาเตอร์ จ่ายเงิน และไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยค่ะ
AfterYou_Silom_027
สำหรับโต๊ะและเก้าอี้ของร้านนั้นก็มีการจัดเรียงเอาไว้แบบไม่แน่นมากนักค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าแต่ละโต๊ะก็ค่อนข้างจะติดกันอยู่เหมือนกัน แต่ครั้งนี้ออฟโชคดีได้โต๊ะ 1 ซึ่งเป็นโต๊ะเดี่ยวหน้าร้านเลยค่ะ ก็เลยไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่

เมนูของร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

AfterYou_Silom_005
สำหรับเมนูของร้านอาฟเตอร์ยูนั้นมีของหวานให้เลือกหลายอย่างเลยค่ะ โดดเด่นกันด้วยเมนู Toast ที่เค้าขึ้นชื่อมาเนิ่นนาน แต่ก็มีเค้ก และของหวานเมนูอื่นทั้ง ช็อกโกแลตลาวา, พัฟโลวา, สโคน, พุดดิ้ง และอีกหลายอย่างเลยค่า สำหรับเครื่องดื่มก็เอาใจทั้งคอกาแฟ และคนชอบทานน้ำผลไม้ค่ะ มีให้เลือกหลายแบบเลยทีเดียว
AfterYou_Silom_002
สำหรับเดือนนี้มีเมนูพิเศษอย่าง มะยงชิดปั่นด้วยนะคะ เป็นเมนูที่น่าลองมากๆ เพราะเค้าบอกว่าจะมีแค่เดือนนี้ (เมษ 2557) เดือนเดียวเท่านั้นด้วยค่ะ ซึ่งแบบนี้ออฟต้องสั่งมาลองทานไม่พลาดแน่ๆ อยู่แล้ว
AfterYou_Silom_003

รายการของหวานที่ทานที่ร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

Black Toast 245 บาท

AfterYou_Silom_018
มาดูเมนูที่ออฟเล็งเอาไว้ว่าจะต้องลองทาน จนทำให้ยอมรอคิวเพื่อเข้ามานั่งทานร้านนี้อย่าง “Black Toast” เมนูนี้เป็นชิบุย่าถ่านโปะคุกกี้โดถั่วและซอสพีนัตบัตเตอร์ค่า
AfterYou_Silom_035ตัวขนมปังสีดำนี่ไม่ขมนะคะ เนื้อนุ่มและเบาใช้ได้ ตัวคุกกี้โดถั่วนี่ก็หวานเหมือนกันค่ะ แต่ออฟว่าถ้าทานทั้งตัวขนมปัง โดถั่ว และไอศกรีมวานิลาเย็นๆ พร้อมกันถือว่าลงตัวดีค่ะไม่หวานจนเดินไป แต่ถ้าไปโดนส่วนของคุกกี้โดถั่วอย่างเดียวอันนี้จะหวานไปหน่อยค่ะ
AfterYou_Silom_019
วิปครีมของทางร้านเบาและไม่หวานดีค่ะ โรยถั่วเพิ่มรสสัมผัสอีกหน่อย ถ้าสำหรับใครที่ชอบหวานมากๆ ทางร้านเค้ามีน้ำผึ้งมาให้เติมเพิ่มความหวานอีกด้วยนะคะ แต่ครั้งนี้ที่ทางไม่ได้ใส่เพิ่มเลย ก็รู้สึกว่าหวานอยู่แล้วค่า
AfterYou_Silom_037

Pavlova Tropical Fruit 185 บาท

AfterYou_Silom_014
เมนูของหวานสีสันสดใจเมนูนี้คือ “Pavlova Tropical Fruit ” โดย Pavlova (พัฟโลวา) เป็นของหวานที่มีตัวฐานเป็นเมอแรงค์หรือการทำไข่ขาวมาตีแล้วอบเวลาทานจะมีความหวาน ละลายในปาก ชั้นต่อมาเป็นครีม กล้วย และซอสทรอปิคัลฟรุ๊ต ซึ่งเท่าที่ทานดูก็มีเสาวรสเป็นหลักค่ะ แล้วก็มีซอสเพิ่มความเปรี้ยวมาให้อีกด้วยค่ะ
AfterYou_Silom_033
เมนูนี้เค้าเป็นเมนูในตำนานเลยทีเดียวนะคะ โดย Pavlova (พัฟโลวา) เป็นขนมที่ตั้งชื่อขึ้นตามนักบัลเล่ต์ชื่อดังระดับโลกชาวรัสเซีย  Ms. Ann Pavlova ค่ะ ทางร้านอาฟเตอร์ยูได้นำมาเป็นหนึ่งในเมนูที่ให้เราสามารถลิ้มลองได้ง่ายมากขึ้น ไม่งั้นอาจจะต้องไปหาทานตามโรงแรมกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบรสสัมผัสของการทานเมอแรงค์รับรองว่าติดใจความอร่อยของเมนูนี้แน่นอนค่ะ
AfterYou_Silom_017
ส่วนของครีมนุ่มๆ นี่มาช่วยให้การทานเมนูนี้ไม่กระด้างมากเกินไปค่ะ ตัวฐานเมอแรงค์ด้านล่างจะกรอบหน่อยๆค่ะ แต่ทานเข้าไปแล้วจะหวานละลายในปาก เมื่อทานคู่กับกล้วยและซอสด้านบนก็พบว่าเข้ากันทีเดียวค่ะ โดยออฟเองที่ชอบทานเมนูแนวผลไม้อยู่แล้ว ก็เลยต้องบอกว่าติดใจมากทีเดียวค่ะ ครั้งนี้ได้เทซอสที่เค้าให้มาเพิ่มด้วยนะคะ เพราะว่ารู้สึกว่าถ้าทานแต่เมอแรงค์อย่างเดียวไปตลอดจะหวานไปหน่อยค่ะ

รายการเครื่องดื่มที่ทานที่ร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

World’s best Ice Chocolate 125 บาท

AfterYou_Silom_008
สำหรับเครื่องดื่มของไผ่นั้นลองสั่งเมนู “World’s best Ice Chocolate” มาทานค่ะ โดยรวมแล้วโอเคอยู่นะคะ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเมนูช็อกโกแลตเย็นระดับโลกตามชื่อเมนูขนาดนั้นค่ะ ทานแล้วรู้สึกว่าไม่แย่นะคะ แต่ก็ไม่คุ้มกับราคาที่จ่ายเท่าไหร่

Mayongchid Freppe pudding 145 บาท

AfterYou_Silom_013
สำหรับเมนูน้ำปั่นประจำเดือนที่ออฟลองสั่งมาอย่าง “Mayongchid Freppe pudding” โดยเมนูนี้จะเป็นน้ำมะยงชิดปั่น และมีส่วนของพุดดิ้งมะยงชิดอยู่ด้านล่างด้วย เมนูนี้ถ้าคนชอบทานน้ำปั่นแนวเปรี้ยวๆ หน่อยติดใจแบบออฟแน่นอนค่ะ มันไม่ได้เปรี้ยวจนแสบคอขนาดนั้นนะคะ ความหวานนิดๆ และตัวพุดดิ้งก็ทำให้ทานได้อร่อยมากขึ้น รสชาติของมะยงชิด อร่อยแบบรสธรรมชาติเลย เหมือนกินมะยงชิดสดๆ เลยค่า แนะนำให้ลองทานนะคะ

การทานของหวานที่ร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

AfterYou_Silom_028เมื่อสังของหวานที่เคาเตอร์เรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะเอาถาด ช้อน ส้อม มีด กระดาษทิชชู่ และน้ำผึ้งมาให้ค่ะ หลังจากรอซักพัก เครื่องดื่มจะมาเสิร์ฟก่อนเลยค่ะ ดื่มกันไปซักหน่อย ก็มีของหวานมาทีละจาน อย่างต่อเนื่องค่ะ
AfterYou_Silom_029
สำหรับเครื่องดื่มนี่ถ้าไม่สั่งเครื่องดื่มของร้าน ก็สามารถทานน้ำชาที่ทางร้านมีให้บริการได้นะคะ เป็นตู้กด พร้อมแก้วกระดาษ มีน้ำเชื่อมให้เติมเพิ่มความหวานได้ด้วย ลองทานน้ำชาแล้วต้องบอกว่าอร่อยใช้ได้เลยค่ะ คุ้นว่าน่าจะเป็นชาเอิร์ลเกรย์แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่า คนที่ตั้งใจมาทานของหวานอย่างเดี่ยวก็คงจะหายใจโล่งขึ้นนะคะ เพราะว่าไม่ต้องซื้อเครื่องดื่ม ทางร้านก็มีน้ำฟรีให้ทานกันค่า
AfterYou_Silom_038

ใบเสร็จจากร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

AfterYou_Silom_010
สำหรับราคาเครื่องดื่มและของหวานร้านนี้ยังแรงอย่างเคยค่ะ ทานกันสองคน 700 บาท สำหรับเมนูเครื่องดื่ม 2 แก้วและของหวาน 2 จานก็ถือว่าเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ ราคาต่อคน 350 บาทค่า

บทสรุปจากการทานที่ร้านAfter You สีลมคอมเพล็กซ์

  • ติดใจเมนู Black Toast และ Pavlova มากทีเดียวค่ะ สำหรับเครื่องดื่มประจำเดือนอย่างมะยงชิดปั่นก็อร่อยมากค่ะ
  • ราคาเครื่องดื่มประมาณ 110-150 ค่ะ ส่วนของหวานนี่ก็เฉลี่ยกันที่ประมาณ 150-300 แล้วแต่เมนูค่า
  • การเดินทางสาขาสีลมคอมเพล็กซ์นี่สะดวกมากทีเดียวค่ะ เพราะติดกับรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง แถมยังใกล้ที่ทำงานออฟด้วยค่ะ เลยสะดวกเอามากๆ
  • ชอบการจัดการของร้านนี้มากๆ ตั้งแต่การรับคิว การสั่งออเดอร์ การเสิร์ฟ การคิดเงิน และการตกแต่งร้านค่ะ

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กลวิธีปรับเปลี่ยนความคิด..ในการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21.

การปฏิรูปทางการศึกษา จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่นำแนวความคิดของการปฏิรูปไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ตั้งใจ แก้ไข ปรับปรุง และพัฒนา ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาการเรียนรู้ ไม่มีทางที่ “ความคิด หรือ ความอยาก”จะเป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะมันเป็นเพียงความรู้สึกที่อยู่ในจิตใจเท่านั้นเอง..ท่านต้องนำไปปฏิบัติ..ความรู้จะเกิดขึ้นในตัวท่านมากมาย และไม่มีใครรู้ดีไปกว่าท่าน..เพราะนี่คือ “ปัญญาเฉพาะตัว” โดยแท้

กลวิธีปรับเปลี่ยนความคิด


***เราต้องการปัญญาชนิดนี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา และ ศิษย์ของเรา..คุณครูมืออาชีพต้องการสร้างสิ่งนี้..เพื่อความสำเร็จในความเป็นครูของเขา***

ใครบ้างที่ต้องปรับเปลี่ยนความคิดและการนำไปใช้

1.ผู้บริหารระดับนโยบาย ท่านเป็นคนสำคัญ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด ถ้าท่านเห็นความสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาจริง “เมื่อหัวส่าย หางต้องกระดิก” นี่เป็นธรรมชาติ แต่ถ้า “หัวพุ่งไปในทิศทางที่ผิดพลาด การศึกษาของชาติก็ตามไปสู่ความหายนะ”อย่างไม่ต้องสงสัย..ท่านจงระมัดระวังให้มาก “ทั้งการพูดจา และการกระทำ”..ท่านเป็นเฟืองตัวใหญ่ ที่ฉุดเฟืองตัวเล็กๆให้หมุนไปตาม..ดังนั้น “คำพูด และการกระทำของท่าน” จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้ “ทั้งทางดี และทางเสื่อม”....

2.ผู้บริหารระดับปฏิบัติการ ในเขตพื้นที่การศึกษา ท่านต้องเห็นความสำคัญใน “การจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ Geospatial Educational Management”และยืนยัน “ความถูกต้องของการบริหารการศึกษา Accuracy of educational administration.” โดยไม่ยอมให้ “อวิชชา และ มิจฉาทฎฐิ”ใดๆมาครอบงำ..งานของท่าน มี 2 ประการคือ “นำความจริงที่เกิดขึ้นเข้าสู่ผู้บริหารระดับนโยบาย เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และพัฒนาสิ่งที่เป็นคุณค่า “เชิงนโยบาย” ต่อไป...และ 2.ร่วมมือกับโรงเรียน ปรับเปลี่ยนความคิด Turning restructuring of ideas ทำ Work Shop ในช่วงปิดภาคการเรียน เพื่อช่วยกันสร้าง Learning Innovation และท่านเป็นหน่วยงานที่ต้องับผิดชอบในการประเมินแบบ “Authentic Assessment หรือ ประเมินตามความเป็นจริง”ต่อไป...

3.ระดับโรงเรียน
***ผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครู “ระดมความคิด Brainstorming” ปรับเปลี่ยนความคิด Turning restructuring of ideas นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญหรือเป็นหัวใจสำคัญตามแนว Constructivism..เรียนรู้จากประสบการณ์ Experience Learning..ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Child Centered ใช้ยุทธศาสตร์ Learning by Doing ตลอดจนถึงวิธีการ “วัดผลประเทินผล ตามความเป็นจริง Authentic Assessment จ่อไป***

การปรับเปลี่ยน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ดังนี้

1.ทำความกระจ่างและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันและกัน Clarification and exchange of ideas ทำความเข้าใจในคณะครูให้กระจ่างที่สุดก่อน ถึงบทบาทการสอนที่เปลียนไป “เป็น “ผู้สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ Creator of learning activities” และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียน หาวิธีเรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยตนเอง.. และนอกจากนี้ “คุณครูจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด เรื่องการเรียนรูกับผู้เรียน Teachers will need to modify the “Matter of learning” to the students.” ด้วย..

***ระหว่างความคิดของตนเองกับของคนอื่น ไม่จำเป็นต้องเห็นคล้อยตามกันเสมอ เพราะคนเราทุกคนย่อมมี “ความแตกต่างกันระหว่างบุคล Individuals Differences”นี้..การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ทำให้ “คนเราได้คิดทบทวน ซึ่งเป็นการสร้างปัญญาโดยธรรมชาติ..นับว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง..และผลพลอยได้คือ ความเป็นประชาธิปไตยของสมาชิกแต่ละคน***

***คุณค่าของความคิดเห็นที่แตกต่างกันนี้ จะรู้ได้ เห็นได้ ก็ด้วยการเรียนรู้แบบกลุ่มการเรียน ที่เรียกว่า Group Learning และใช้ยุทธศาสตร์ Brainstorming, Cooperative and Collaborative นั่นเอง***

2 การสร้างความคิดใหม่ Construction of new ideas จากการอภิปรายและการสาธิต ผู้เรียนจะเห็นแนวทางแบบวิธีการที่หลากหลายในการตีความปรากฏการณ์ หรือเหตุการณ์แล้วกำหนดความคิดใหม่ หรือความรู้ใหม่

***ผู้อำนวยการ ไม่ใช่ Commander แบบทหาร แต่เป็น Facilitator เพื่อนร่วมงาน ผู้ให้บริการ เพื่อทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากที่สุด

***ครูเปลี่ยนการสอนแบบ Passive Approach ไปเป็น Active Approach***

***นักเรียนเปลี่ยนวิธีเรียน จาก “การฟังด้วยหู ดูด้วยตา” มาเป็นการเรียนจากประสบการณ์ Experience Learning เรียนรูจากการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง ที่เรียกว่า Learning by Doing ครบถ้วนกระบวนการ***

ขอทบทวนกระบวนการ Learning by Doing อีกนิดเถอะครับ
หลักการ Learning by Doing โดยสรุปมีขั้นตอน ดังนี้ 1.ให้ “นักเรียนทุกคน”สำรวจตรวจสอบและเก็บข้อมูลทุกด้านแล้วบันทึกไว้เป็นข้อๆ Collect data, Gather information,>>2.ครูวิจารณ์ และเสนอแนะการสำรวจ Exploring ที่คลอบคลุมทุกดาน หรือการหาข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การจัดการข้อมูล >>3.แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย 3-5 คน เพื่อการ Brainstorming เรียนรู้จากกลุ่มด้วยวิธี Cooperative and Collaborative Learning มีการนำเสนอข้อมูลของตน สมาชิกของกลุ่มโต้แย้ง หรือยอมรับ และยืนยันความถูกต้อง เรียบเรียงใหม่ หลอมรวมข้อมูลของแต่ละคนเป็น “อันเดียวกัน” เรียกว่า การสร้าง “นวัตกรรม หรือ Innovation”ของกลุ่ม >>4.ทุกกลุ่มนำเสนอ Innovation หรือ ผลงานนวัตกรรมของกลุ่มตน >>5.ครู, นักเรียนในชั้น ทำหน้าที่ Feedback เพื่อความกระจ่างชัดถูกต้องตามความเป็นจริง >>6.คุณครูสรุปบทเรียน หรือ Summarizing >>7.นำไปสู่การแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป..***

***ความรู้เกิดจากประสบการณ์ ที่ทั้งร่างกายและจิตใจ “Body and Mind” เกิดการสัมผัสกับการแก้ปัญหาในประสบการณ์ เช่น ปมปัญหาของสถานการณ์ โจทย์ คณิตศาสตร์ สมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์ เหตุการณ์ หรือ เงื่อนไขจากกิจกรรมที่คุณครูสร้างขึ้น***

3.นำความคิดไปใช้ application of ideas เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนมีโอกาสใช้แนวคิดหรือความรู้ความเข้าใจที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย เป็นการแสดงว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย การเรียนรู้ที่ไม่มีการนำความรู้ไปใช้เรียกว่า เรียนหนังสือไม่ใช่เรียนรู้

***ครูออกแบบการการสอน Instructional Design ด้วยรูปแบบที่เหมาะสม กับสถานการณ์ ลักษณะรายวิชา เนื้อหา และสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ที่เป็นจริง ซึ่ง คุณครูสามารถ “ดัดแปลง Adapt” มาจากรูปแบบของ Backward Design, หรือ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือ รูปแบบอื่นๆที่คุณครูเห็นว่าเหมาะสม กับ การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ Experience Learning และยุทธศาสตร์ Learning by Doing***

***วางแผนการเรียน Learning Plan ร่วมกับนักเรียน เพื่อหาแนวทางการเรียนที่เหมาะสมร่วมกัน***

ในขั้นตอนนี้ ขออนุญาตทบทวน การออกแบบด้วย Backward Design อีกสักหน่อย..หวังว่า คงให้อภัยกันได้นะครับ..อยาโกรธกันนะ..
ใช้โครงสร้างของ Backward Design ในการออกแบบ

หลักการสำคัญ “ในการออกแบบการเรียนการสอน Learning and Teaching Designing” ด้วย Backward Design นั้น มีเรื่อง“สำคัญ” ที่ต้องคำนึงถึง 3.เรื่อง คือ

3.1.Identify desired results ระบุถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ ว่า อะไรคือสิ่งที่นักเรียนควรรู้ ควรเข้าใจ และสามารถทำได้..มีเนื้อหาอะไรบ้างที่มีคุณค่าควรทำความเข้าใจ “กระบวนการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการนั้น..จะต้องทำอย่างไร..กำหนดบทบาทของครู กำหนดบทบาทของนักเรียน ในการออกแบบวางแผนการสอนในแต่ละเรื่องไว้ด้วย..

3.2. Determine acceptable evidence.พิจารณาหลักฐานที่ได้รับการยอมรับ ทำอย่างไรเราจึงจะทราบว่านักเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ..และ มีอะไรบ้าง “ที่จะบอก”ให้เราทราบว่า “นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ และมีผลสัมฤทธิ์ตามที่ต้องการจริงๆ.. ในการเรียนแบบ Learning by Doing เรียกสิ่งที่ต้องการนี้ว่า “ตัวชี้วัด หรือ Indicators นั่นเอง..

3.3. Plan learning experiences and instruction. วางแผนประสบการณ์การเรียน และวางแผนการสอน ว่า What enabling knowledge and skills will students need in order to perform effectively and achieve desired results? What activities, sequence, and resources are best suited to accomplishing our goals? ..เพื่อทำให้เกิดความรู้แท้จริง ..นักเรียนจะต้อง “ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ทำอย่างไร ตามลำดับก่อนหลัง”...มีแหล่งเรียนรู้ หรือ Learning resources ที่ดีที่สุดอะไรบ้าง สำหรับนักเรียน เพื่อ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ Experience Participation ด้วยวิธีการเรียนแบบ Learning by Doing ....

4.ประเมินความคิดใหม่ evaluation of the new ideas โดยการทดลองหรือการคิดอย่างลึกซึ้ง คุณครู และผู้เรียนควรหาแนวทางที่ดีที่สุดในการทดสอบความคิดหรือความร

***ใช้หลักการประเมินตามความเป็นจริง Authentic Assessment ซึ่งเป็นการประเมินเพื่อการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาที่สอดคล้องกับการเรียนรู้เชิงพื้นที่ Geospatial learning***

***รักษาคุณภาพ ด้วยหลักการ PDCA ของ ดร.เอ็ดเวิร์ด เดมมิ่ง Dr. W. Edwards Deming ที่เรียกว่า PDCA Demimg Cycle นั่นเอง***

ขอทบทวนอีกนิด....
P : Plan คือการวางแผนและการกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำงาน
D : Do คือการทำตามแผนนั้น ๆ
C : Check คือการตรวจสอบผลการปฏิบัติตามแผน
A : Act คือการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ผลการปฏิบัติงานพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ

สุทัศน์ เอกา...................บอกความ

แหล่งที่มา เฟสบุ๊ค สุทัศน์ เอกา

นักเศรษฐศาสตร์ ( The economists )





ชื่ออาชีพ
นักเศรษฐศาสตร์ Economists
นิยามอาชีพ
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ ได้แก่ ผู้ทำการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และนำหลักเศรษฐศาสตร์มาใช้ในงานที่ เกี่ยวกับที่มาของรายได้ รายจ่าย การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ การผลิต การบริโภคสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาทฤษฎีต่างๆ โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยเป็นหลัก วางแผนงานเพื่อ ส่งเสริม พัฒนา และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การวางแผนงานด้านการเงิน การคลัง ภาษีอากร เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้า และแรงงาน
ลักษณะของงานที่ทำ
1. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดทำรายงาน และวางแผนงาน เพื่อส่งเสริม พัฒนา และแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการผลิต การจำหน่ายสินค้า และบริการ การลงทุน แรงงาน
2. ศึกษากรรมวิธีทั้งหมดที่เกี่ยวกับการดำรงชีพของมนุษย์ และจัดหาสิ่งต่างๆ มาบำบัด ความต้องการของมนุษย์ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อยู่อาศัย บริการ หรือการบันเทิง ตลอดจนการศึกษาสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือสิ่งที่ช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจบรรลุผลสำเร็จ
3. ค้นหา วิธีเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ และข้อมูลทางเศรษฐกิจ รวบรวม และตีความข้อมูลดังกล่าว
4. จัดทำรายงาน และวางแผนงานตามผลการศึกษางานทางเศรษฐกิจ และตามข้อมูลที่ได้ ตีความและวิเคราะห์แล้ว
5. ให้คำปรึกษาแนะนำ แก่หน่วยงานประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมของเอกชนหรือหน่วยงานรัฐบาล ในเรื่องต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพของการทำงานการตลาดและปัญหาเกี่ยวกับการเงิน เป็นต้น
6. อาจเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจสาขาใดสาขาหนึ่ง เช่น เศรษฐกิจการเกษตร เศรษฐกิจการคลัง หรือเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การค้าระหว่างประเทศ การแรงงาน หรือราคา หรือเชี่ยวชาญในเรื่องการเก็บภาษีอากร หรือ การวิจัยตลาด และอาจมีชื่อเรียกตามความเชี่ยวชาญ
7. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย วางแผน เก็บรวบรวมข้อมูล ให้คำปรึกษาแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐและ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับที่มาของรายได้ รายจ่าย การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ การผลิต การบริโภคสินค้าและบริการ เพื่อการส่งเสริม พัฒนา และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
สภาพการจ้างงาน
ผู้ที่ทำงานในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ จะได้รับเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา ส่วนในภาคเอกชนจะ ได้รับเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทหรือองค์กรที่จ้างงาน ซึ่งไม่มีข้อกำหนดที่แน่นอนตายตัว สำหรับผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งไม่มีประสบการณ์จะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ 6,360 บาทต่อเดือน ถ้ารับราชการและได้รับ ค่าตอบแทนขั้นต่ำ 9,500 - 12,000 บาทต่อเดือนสำหรับภาคเอกชน
นอกจากค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส ค่าล่วงเวลา เป็นต้น ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ มีชั่วโมงทำงานโดยปกติวันละ 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมงและอาจต้องทำงานล่วงเวลา หรือวันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันหยุด เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา
สภาพการทำงาน
นักเศรษฐศาสตร์ ทำงานในสถานที่ทำงานที่มีสภาพการทำงานเป็นสำนักงานที่มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นสำนักงานทั่วไปในการทำงานอาจจะต้องใช้เครื่องคำนวณ และหรือเครื่องคอมพิวเตอร์และระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อใช้ช่วยงานศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์ในการวางแผนในเชิงธุรกิจของหน่วยงาน
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
นักเศรษฐศาสตร์ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์ หรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
2. มีความรู้และเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี และสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ มีความถนัดและสนใจด้านคณิตศาสตร์ และสังคมศาสตร์
3. มีบุคลิกดี มีความสามารถในการเจรจาต่อรองและประนีประนอมได้ดี
4. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีใจกว้าง ยอมรับฟังการติชมจากผู้อื่น
5. ซื่อสัตย์สุจริต ซื่อตรงต่อความคิดเห็นของตนเอง เสนอข้อคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ และเป็นกลาง
6. รักความเป็นธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่าตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ คณะเศรษฐศาสตร์ หรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องในสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย หลักสูตร 4ปี
โอกาสในการมีงานทำ
สามารถประกอบอาชีพเป็นพนักงานในธนาคาร พนักงานในองค์การระหว่างประเทศ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวนักวิจัย นักวิชาการด้านธุรกิจการค้าและเศรษฐกิจ สถาบันการเงินทั่วไป อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ในตลาดแรงงานยังมีความต้องการนักเศรษฐศาสตร์อีกมาก เพื่อพัฒนาธุรกิจของหน่วยงานและประเทศให้สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและสามารถแข่งขันทางการค้าในภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปให้ทันต่อเหตุการณ์ เวลา และถูกต้อง เนื่องจากทุกประเทศมีจุดมุ่งหมายให้มีรายได้เข้าประเทศให้มากที่สุด เพื่อให้ประชากรมีการกินดีอยู่ดี และสร้างประเทศให้มั่งคั่ง การแข่งขันทางการค้าและมาตรการกีดกันทางการค้าจึงมีความเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นโดยลำดับ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่ และหน่วยงานที่ตนปฏิบัติได้เสมอ อาจจะเป็นนักวิเคราะห์ระบบ นักวิจัยและนักวางแผนทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
ผู้ประกอบอาชีพนี้ สามารถประกอบอาชีพได้หลายประเภท ในสถานที่ต่างๆ ได้หลายแห่งทั้งที่เป็นหน่วยงานของราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน บริษัท ห้างร้านต่างๆ องค์กรพัฒนาเอกชน และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจนถึงตำแหน่งหัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย ผู้จัดการฝ่าย ผู้อำนวยการ ผู้จัดการใหญ่ในภาคเอกชน ส่วนในภาครัฐ ถ้ามีการศึกษาในระดับที่สูงกว่าระดับ ปริญญาตรี มีประสบการณ์ และมีความสามารถในการบริหารงานจะสามารถเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับบริหารสูงสุดในหน่วยงานนั้น โดยทั่วไปผู้ที่มีโอกาสได้รับการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์ หรือวิชาการบริหารธุรกิจ ก็สามารถเลื่อนวิทยฐานะหรือตำแหน่งงานที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หรืออาจเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
นักบัญชี นักธุรกิจ นักบริหาร นักวิเคราะห์ระบบ นักวิจัย นักวางแผน นักการธนาคาร นักการเงิน นักการคลัง นักสถิติ นักการแรงงาน เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน เจ้าหน้าที่หลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน เจ้าหน้าที่หลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งบประมาณ เจ้าหน้าที่บุคคล เจ้าหน้าที่แรงงานสัมพันธ์


วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

          1 ปี มี 365 วัน 252 วัน ของคุณหมดไปกับการทำงานวันล่ะ 8 ชั่วโมง ที่ไม่เคยหยุดอยู่ที่ 8 ชั่วโมง ติดอยู่บนรถอีก 3 ชั่วโมง ถ้าโชคดีหน่อยก็ได้มีโอกาสกลับมานั่งดูหนังน้ำเน่าอีกสัก 2 ชั่วโมง ปลอบประโลมใจยามเหนื่อยล้า 
นั่งกอดหมากอดแมวตอนกลับบ้านบนเตียงเพียงคนเดียว ก่อนที่ชีวิตของคุณจะกลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ ในเช้าวันถัดมา
เหมือนทุกๆ วัน


13 สิ่งที่แบ็คแพ็คเกอร์ควรทำ ก่อนออกสู่โลกกว้าง


13 สิ่งที่แบ็คแพ็คเกอร์ควรทำ ก่อนออกสู่โลกกว้าง
          แล้วแบบนี้คุณจะปล่อยเวลาแห่งการผจญภัยอันน้อยนิดให้เหมือนเดิมอยู่ทำไม ลองมาทำ 13 สิ่งง่ายๆ ให้ไม่เหมือนกับทุกเช้าที่ผ่านมา

1.จำกัดงบ
ฉันอยากให้คุณจำกัดงบตั้งแต่เริ่มต้น เพราะแน่นอนแล้วว่าสุดท้ายมันต้องบานปลาย แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องอดตายในวันกลับ 
13 สิ่งที่แบ็คแพ็คเกอร์ควรทำ ก่อนออกสู่โลกกว้าง
2.ลองซุ่มดูไหม
กางแผนที่แล้วจิ้มลงไปเลย คุณไม่รู้หรอกว่าจะจิ้มไปถูกประเทศไหน และนั้นคือความตื่นเต้นที่คุณจะได้รับเหมือนตอนทยอยเต๋าในเกมเศรษฐี ถ้าคุณไม่รู้จะไปไหนลองใช้วิธีนี้ก็ไม่เสียหาย
3.เปลี่ยนฤดู
ที่เดิมเวลาเปลี่ยน ฤดูเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน คุณจะได้เห็นสิ่งที่คุณไม่คิดจะมีโอกาสได้สัมผัสมาก่อน ถ้าใครบอกให้ไปญี่ปุ่นตอนหน้าหนาวลองไปตอนหน้าร้อนดูสักครั้งสิแล้วคุณจะติดใจ
4.เมืองเล็กดีกว่าเมืองใหญ่
เมืองหลวงทันสมัยมีทุกอย่างสะดวกสบายผมไม่รู้จะไปทำไม รู้สึกชีวิตมันขาดสัมผัส เมืองเล็กอบอุ่นอิ่มเอมรอยยิ้มและความใส่ใจ เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่ยังไม่ถูกรุกรานจากต่างชาติ คุณจะได้สัมผัสคำว่าดั้งเดิม ศิลปะขนานแท้ ที่สำคัญค่าครองชีพถูกว่าแน่นอนผมรับประกัน
8.เลือกเดินทางด้วยวิธีใหม่ๆถ้าเคยนั่งเครื่องบินไปลองนั่งเรือไป ถ้าเคยนั่งรถไปลองรถไฟดู ถ้าเคยขี่จักรยานไปลองเดินดูแล้วจะรู้ว่าบางครั้งเรื่องราวระหว่างทางก่อนถึงจุดหมายก็เป็นความทรงจำดีๆ ได้ไม่แพ้กัน
13 สิ่ง4


9.นอนดึก
ใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า หลับตาเมื่อหมดแรงแล้วเท่านั้นจะได้ไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่เสียไป มาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม!! ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะคอนเสิร์ตหรือปาร์ตี้ผับไหน หรือจะร้านเหล้าโต้รุ่งข้างทาง แต่ล่ะประเทศก็มันไม่เหมือนกันแน่นอน อดนอนแค่นี้เรื่องเล็ก
10.ตื่นเช้า
ลองเริ่มต้นเช้าวันใหม่พร้อมพระอาทิตย์รับลองวันนั้นของคุณจะไม่ธรรมดา
11.ปิดโลกโซเชียลบ้าง
อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านแต่ข้อความในมือถือ เช็คว่าฉันได้ยอด Like เท่าไหรแล้วนะ จะโพสอะไรดี ปิดบ้าง ปิดไปเหอะ!! ของจริงอยู่ตรงหน้า หัดซึมซับบรรยากาศเสียบ้าง โทรศัพท์เล่นเมื่อไหรก็ได้
12.ถ่ายภาพให้น้อยลงจดจำทุกอย่างด้วยความทรงจำไม่ต้องถ่ายภาพที่เดียวล่อไปสักร้อยรูป ลองเก็บความทรงจำนั้นไว้ด้วยตาและความประทับใจ เหมือนรักแรกพบที่คุณถ่ายเก็บไว้ไม่ได้ แต่นึกถึงเมื่อใดก็อมยิ้มทุกครั้ง
13.เขียนจดหมายถึงตัวเอง
เคยย้อนกลับไปอ่านเฟรนชิพสมัยเด็กแล้วขำตัวเองบ้างไหมครับ เคยนั่งอ่านไดอารี่เล่มเก่าแล้วฮาว่ากูเพ้ออะไรเนี้ยบ้างไหม ถ้าไม่เคยลองดูครับ ลองเขียนจดหมายจากที่นั้นส่งหาตัวเองดู เชื่อผมว่ามันจะสร้างความประทับใจซ้ำๆ ทุกครั้งที่เปิด และทุกครั้งมันจะมีเรื่องเล่า ถึงเราจะเขียนแค่ “สวัสดี”